กองทุนรวม กองทุนรวม กองทุนรวม กองทุนรวม กองทุนรวม กองทุนรวม กองทุนรวม กองทุนรวม
" กองทุนรวม " แบ่งเป็น 2กลุ่ม ดังนี้
กองทุนรวมทั่วไป และ กองทุนรวมพิเศษ
กองทุนรวมทั่วไป มี 3กลุ่มย่อย ดังนี้
1กองทุนรวมตราสารแห่งทุน
ต้องลงทุนไม่ต่ำกว่า 65%
เน้นการเพิ่มค่าของเงินที่ลงทุน คือลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโต และ กลุ่มหุ้นที่ปันผลสูง
เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง
2กองทุนรวมตราสารแห่งหนี้
ห้ามลงทุนในตราสารทุน(หุ้น) ลงทุนได้เฉพาะ ตราสารหนี้ และ ตราสารการเงิน เช่น พันธบัตรเท่านั้น
เหมาะกับผู้รับความเสี่ยงต่ำ และ ต้องการรายได้ประจำ
กองทุนตราสารหนี้ระยะยาว และสั้น
ลงทุนในตราสารหนี้ที่มากกว่า 1ปีขึ้นไปเท่านั้น
3กองทุนรวมผสม
มี 2ลักษณะ
1 ลงทุนในหุ้นได้ไม่น้อยกว่า 35% แต่ไม่เกิน 65% ของเงินกองทุน
2 ลงทุนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน
สามารถบริหารจัดการได้ตามสถานะการณ์ เช่นช่วงเศรษฐกิจไม่ดี
มีสงคราม อาจพักการลงทุนก่อน หรือ ย้ายไปลงในพันธบัตร
กองทุนรวมพิเศษ มี7กลุ่ม
1กองทุนรวมหน่วยลงทุน Fund of Funds
เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของบริษัทอื่น
2กองทุนรวมตลาดเงิน
ลงทุนในกองทุนใดก็ได้ที่มีอายุไม่เกิน 1ปี
3กองทุนรวมมีประกัน
ต้องมีการรัปประกันและมีบริษัทค้ำประกันกองทุนนี้ด้วย
4กองทุนรวมคุ้มครองเงินต้น
ต้องคุ้มครองเงินลงทุนไม่น้อยกว่า 80%
5กองทุนรวมที่มีการกระจายการลงทุนน้อยกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
ลงทุนแบบกระจุกตัว มุ่งเน้นหวังผลตอบแทนสูง จะเน้นลงทุนเฉพาะอุตสาหกรรม เช่นลงทุนในแบงค์ ถ้าขึ้นก็เยอะ ถ้าลงก็เละ
6กองทุนรวมดัชนี
เน้นลงทุนแบบกระจายไปในหลายๆกลุ่มอุตสาหกรรม แบบหว่านแห
ความเสี่ยงต่ำ
7กองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ Foreign Invesment Fund
เน้นระดมเงินในประเทศเพื่อนำไปลงทุนในต่างประเทศ
ต้องแบ่งสำรองเงินเป็นค่าใช้จ่ายไว้ด้วย
กองทุนนั้นๆต้องเป็นสมาชิกของกลุ่มการลงทุนจากต่างเทศ ของประเทศที่จะไปลงทุนด้วย
8กองทุนรวมประเภท Feeder Fund
นำเงินทั้งหมดไปลงทุนในกองทุนต่างประเทศเพียงกองเดียว
9กองทุนประเภท Umbrella Fund
ลงทุนในกองทุนย่อยอื่นๆ หลายๆกอง แต่อยู่ภายใต้ บริษัทจัดการเดียวกัน
มีความยืดหยุ่นในการวางกลยุทธ์ด้วยตนเอง
ค่าธรรมเนียม การสับเปลี่ยนกองทุนน้อยถึงไม่มี เนื่องจากเป็นการลงทุนภายในบริษัทจัดการเดียวกัน
10กองทุนรวมทองคำ Gold Fund
เน้นทองแท่ง ทองเหรียญ
เมืองไทยเป็น Feeder Fund นำเงินไปลงทุนใน Gold Fund ของต่างประเทศทดแทน
11กองทุน Hedge Fund
เน้นกลยุทธ์การลงทุนไปทั่วโลก เน้นเชิงรุก บุกทำลายคู่แข่ง
ความเสี่ยงสูงมาก
บริหารเงินกองมหึมา
12กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
เป็นกองทุนปิดเท่านั้น
เน้นลงทุนเฉพาะในอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น เช่น ไปบริหารอาคารเก็บค่าเช่าเป็นรายได้กองทุน
มี 2แบบ
Freehold เป็นเจ้าของอสังหาสะเอง เช่น กองทุนไปซื้อโปรเจค คอนโด แล้วบริหารกิจการค่าเช่า
Leasehold สิทธิในการเช่าเพื่อหารายได้ เช่น เช่าสนามบิน30ปี เพื่อหารายได้
มีความเสี่ยง ที่เวลาะจะขาย ต้องไปขายออกในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะได้ราคาต่ำ
13กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ RMF ..Retirement Mutual Fund
ช่องทางออมเงินตอนแก่แบบสมัครใจ
เป็นกองทุนเปิด
ลงทุนไม่น้อยกว่า 3% หรือ 5,000฿
ลงทุนไม่เกิน 15% หรือ ไม่เกิน 500,000฿
กองทุนRMPหมายรวมถึง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ,กบข ,กองทุนบำนาญ
ต้องลงทุนทุกปี หรือ อย่างน้อยปีละครั้ง (ซื้อปีเว้นปีได้นะ เป็นเทคนิค)
ต้องถือครองไม่น้อยกว่า 5ปี (นับแบบวันชนวัน)รอรับผลประโยชน์ หรือขายคืน เมื่ออายุ 55ปี
ถ้าถือครองไม่ถึง 5ปี : ต้องเสียภาษีย้อยหลัง 5ปี
ถ้าถือครองไม่ถึง 5ปี และเลิกก่อนอายุ 55ปี : ต้องเสียภาษีย้อยหลัง 5ปีและต้องคืนสิทธิการลดภาษี และ กำไรที่ได้รับไป ต้องคิดภาษีใหม่อีกครั้ง
ไม่สามารถใช้ค้ำประกันทางกฏหมายได้
ทุกคนสามารถซื้อได้ เพราะเป็นการลงทุนเพื่อการเกษียณ
14กองทุนรวม LTF
เน้นเพิ่มผู้ร่วมลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หรือ ช่วยระดมทุนให้ตลาดหุ้นนั่นเอง
ไม่ต้องลงทุนต่อเนื่อง
ไม่เกิน 15%ของรายได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี
ถือครองครบ 5ปี จึงจะขายได้
หากทำผิดเงื่อนไข ซึ่งมีข้อเดียวคือ ขายก่อน 5ปีปฏิทิน ต้องคืนภาษีย้อนหลัง โดยกำไรจากการขายจะนำไป
คำนวณภาษีเงินได้ และต้องเสียดอกเบี้ย 1.5%ต่อเดือน
LTF คือ กองหุ้น จึงมีความเสี่ยง เพราะจะนำเงินไปลงทุนในหุ้น
เป็นกองทุนเปิด
ใช้หักภาษีได้ถึงปี 2559เท่านั้น *หักภาษีได้หนึ่งครั้งในปีที่ซื้อเท่านั้น
15กองทุน ETF
เน้นการลงทุนเชิงรับ เน้นปลอดภัย ไม่ต้องปรับพอร์ตการลงทุนบ่อยๆ
เป็นกองทุนเปิด โดยบริษัทจัดการ จะขาย และ รับซื้อคืนหน่วยลงทุน
ต้องมีบัญชีหลักทรัพย์ ซื้อ-ขาย ผ่านตลาดหุ้นเท่านั้น
มี 3ประเภท
กองทุนรวมเปิด
กองทุนทรัสต์
กองทุนแกรนด์เทอทรัสต์ **ไม่สามารถปรับเปลี่ยนการลงทุนได้
*********** ผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนรวม ***********
คือ ผลกำไรจากการลงทุนในหน่วยลงทุน และ เงินปันผล
**กองทุนบางแห่ง ..ไม่จ่ายปันผล
การคำนวณมูลค่าทรัพย์สิน
สูตร : มูลค่าทรัพย์สินตามราคาตลาด
บวก รายได้ค้างรับ
บวก เงินสด
ลบ หนี้สิน
หารด้วย จำนวนหน่วยลงทุน
ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกำไร-ขาดทุน
1ดอกเบี้ย
2เศรษฐกิจรายอุตสาหกรรม การเมือง
3ราคาหุ้นที่กองทุนลร่วมลงทุนและสภาวะตลาด
การกำหนดราคาของหน่วยลงทุน
ราคา รับซื้อคืน bid price
ราคา เสนอขาย selling price
**ส่วนต่างของราคาซื้อขาย อยู่ที่ 1-5%
ผลตอบแทนจากการลงทุน
*สำหรับบุคคลธรรมดา
กำไรจากการขาย ได้ยกเว้นภาษี
กำไรจากเงินปันผล ใช้หัก ณ.ที่จ่ายได้ 10% หรือ นำไปรวมกับเงินได้เพื่อคำนวณเสียภาษีก็ได้
*สำหรับนิติบุคคล
เงินจากการลงทุน นำไปหักเป็นรายจ่ายนิติบุคคลได้
กำไรจากเงินปันผล ใช้หัก ณ.ที่จ่ายได้ 10% หรือ นำไปรวมกับเงินได้เพื่อคำนวณเสียภาษีก็ได้
หนังสือชี้ชวน
คือ เอกสารระบุรายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนรวม
ประกอบด้วย 2ส่วน
ข้อมูลโครงการ
ข้อมูลสำคัญ
**บริษัทที่บริหารกองทุน มีหน้าที่ต้องปรับปรุงให้ทันสมัยทุกรอบบัญชี
ข้อดี ของกองทุนรวม
จัดการโดยมืออาชีพ เรียกว่า ผู้จัดการกองทุน และ ทีมงาน
ลดความเสี่ยงด้วยการกระจายการลงทุนไปในหุ้นหลายกลุ่ม หลายตัว
มีนโยบายที่หลากหลาย ในการบริหารกองทุน
ประหยัดเวลา และ ค่าใช้จ่ายได้มากกว่ากรณีลงทุนเอง
ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อ-ขาย
มีสภาพคล่อง เพราะกองทุนมีเงินจำนวนมาก
ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
มีอำนาจต่อรอง เหมือนพ่อค้าซื้อของเยอะ ก็ได้ต้นทุนสินค้าต่ำ
มีกลไกคอยคุ้มครองปกป้อง คปภ. และ กลต.
ข้อด้อย ของกองทุนรวม
มีค่าธรรมเนียม
ไม่ยืดหยุ่น
ไม่ทันสมัย
**การลงทุนใน ตลาดทุน มีความเสี่ยงสูง เพราะเป็นการลงทุนในหุ้น
**การลงทุนใน
ตลาดเงิน มีความเสี่ยงต่ำ เพราะเป็นการลงทุนกับภาครัฐ เช่น พันธบัตร
คุณลักษณะของความเสี่ยงจากการลงทุนในแต่ละประเภท
ระวัง เสี่ยงน้อย คือ ตั๋วเงิน พันธบัตรรัฐบาล
เน้นรายได้ เสี่ยงปานกลาง-ต่ำ คือ พันธบัตร หุ้นกู้
ชอบสมดุล เสี่ยงกลาง มีปันผล คือ การลงทุนในบริษัทใหญ่ มีความมั่นคง เช่น หุ้นสาธรณูประโภคของรัฐ
อยากเติบโต เสี่ยงสูง เน้นกำไร โดยส่วนใหญ่เป็นบริษัทเกิดใหม่ หรือมีการร่วมทุน (ตลาดหุ้นMAI)
อยากรวยมาก เสี่ยงสูงมาก โดยส่วนใหญ่ เป็นบริษัทขนาดเล็ก เพราะมีโอกาสเติบโตสูง (ตลาดMAI)
************************** ฿฿฿฿฿฿฿฿฿ $$$$$$$$$$$$$$ ***************************
** LTF ต้องลงทุนมากกว่าหรือเท่ากับ 5 ปีปฏิทิน (ปีซื้อลบปีขาย >=5) ไม่มีขั้นต่ำ ไม่เกิน 15% ของเงินได้ ไม่เกินห้าแสน กองทุนประเภทนี้ส่วนใหญ่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
** RMF เน้นให้มีเงินใช้ตอนเกษียณ บังคับห้ามเอาออกจนกว่า 55 ปี และต้องถือมานานเกิน 5 ปี แต่ยืดหยุ่นกว่าในแง่ที่มีสินทรัพย์และกองทุนหลายประเภทให้เลือกมากกว่า
** LTF เน้นกระตุ้นตลาดหุ้น ก็เลยลงทุนในหุ้นอย่างเดียว ถือแค่ 5 ปี ปฏิทิน ความเสี่ยงสูงเพราะลงทุนในหุ้น อย่างเดียว แต่ก็แตกต่างกันที่หุ้นแต่ละตัวที่แต่ละกองซื้อ ซึ่งมีผลทำให้ผลตอบแทนต่างกันด้วย
" สำหรับมนุษย์เงินเดือน จะลงตัวไหนดี ก็ต้องดูอายุก่อน ถ้าอายุยังน้อย กว่าจะขาย RMF ได้ต้องอายุ 55 ปีขึ้นไป เพราะจุดประสงค์ต้องการให้เก็บไว้ใช้ตอนเกษียณ บางคนว่าดี บางคนว่าไม่ดี เพราะมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนอื่นเตรียมไว้แล้ว ก็แล้วแต่บุคคล ส่วน LTF เงื่อนไขน้อยกว่า แต่ส่วนใหญ่ลงทุนในหุ้น ถ้าหุ้นตกก็กอดหน่วยลงทุนตกไปด้วย หนีไม่ค่อยได้ แต่ RMF ย้ายหนีไปกองตราสารหนี้ได้ "
ผู้แนะนำการลงทุน
คือ ผู้ที่มีใบอนุญาตเป็นผู้แนะนำด้านการลงทุน เรียกว่า " IC Licence "
ข้อห้ามสำหรับการเป็นผู้แนะนำการลงทุน
เป็นบุคคลล้มละลาย
มีรายชื่อ black list
อยู่ระหว่างดำเนินคดีเกี่ยวกับธุรกิจการเงิน
อยู่ระหว่างสั่งพักการเป็นผู้จัดการกองทุน
มีประวัติถูกปลด ไล่ออก
บทลงโทษ
ภาคทัณฑ์
พักงาน
เพิกถอนใบอนุญาต